การถ่ายภาพยนตร์เบื้องต้น


การใช้กล้อง  ( ภาพยนตร์ ) ภาพยนตร์เบื้องต้น

ภาพยนตร์เบื้องต้น......1
                      การถ่ายภาพยนตร์ทุกครั้งผู้ถ่ายทุกคนพยายามอย่างยิ่งในการบันทึกภาพเพื่อให้ผู้ชมสามารถเข้าใจความหมายของภาพ    ที่ถ่ายไว้มากที่สุดในขณะที่ภาพปรากฏจอทุก ๆ ช่วงเวลาที่ภาพยนตร์นำเสนอต่อผู้ชม
                      ภารกิจนี้ถือเป็นภารกิจหลักของผู้ถ่ายภาพยนตร์ที่ต้องคิดพิจารณารูปแบบของการนำเสนอภาพ   ที่ถูกต้องตรงเป้าหมายและปฏิบัติตามหลักการทางภาษาของภาพที่สมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่จะสามารถกระทำได้ซึ่งแน่นอนที่สุดภาพที่ถูกบันทึกอย่างถูกต้องสวยงามเพียบพร้อมด้วยองค์ประกอบแห่งศิลป์    ย่อมถ่ายทอดสื่อความหมายได้เด่นชัด    และสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมให้ติดตามดูภาพยนตร์  ตลอดเวลาอย่างไม่เบื่อหน่าย  ในขณะเดียวกัน   ภาพเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้เนื้อหาของภาพยนตร์มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
                       ถึงแม้ผู้ถ่ายจะยึดถือแนวทางที่กล่าวมาแล้วเป็นปัจจัยในการถ่ายภาพยนตร์ก็ตาม     ก็ยังมีประเด็นหนึ่งฝังแน่นอยู่ในจิตสำนึกของผู้ถ่ายภาพยนตร์ทุกคนในแง่ที่ว่า  ทำอย่างไรในการถ่ายแต่ละครั้งจะสามารถควบคุมกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้มีความมั่นคงและนิ่มนวล  ไม่มีการสั่นกระตุกทุก ๆ สภาวะของการถ่ายทำ   ไม่ว่าจะเป็นการ แพน  การทิลท์ ๆ การดอลลี่ 
การทรัค
                      การนำเสนอภาพแต่ละช่วงตอนของการถ่ายทำภาพยนตร์   ผู้ถ่ายจำเป็นจะต้องกำหนดรูปแบบ   เพื่อกำหนดลักษณะภาพ  ให้สอดคล้องกับเนื้อหา    และตรงตามวัตถุประสงค์หลักของภาพยนตร์ที่กำหนดไว้   แต่การที่จะประสบผลสำเร็จได้นั้นจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมืออุปกรณ์     ตลอดจนวิธีการที่ถูกต้อง   และเหมาะสม   ทั้งนี้องค์ประกอบต่างๆ เป็นเงื่อนไขของการถ่ายทำ    แต่ละครั้งไม่เหมือนกัน  เช่น   สภาพของแสง   สภาพของสี   ลักษณะสถานที่ที่ถ่ายทำ    ในแต่ละช่วงของวันฤดูการที่เปลี่ยนไป    ตลอดจนฟิล์มที่นำมาใช้งาน    สิ่งต่างๆที่กล่าวมามีผลกระทบต่อการนำเสนอภาพทั้งสิ้น.
                       เพราฉะนั้นเรื่องของการถ่ายทำภาพยนตร์   ผู้ถ่ายทำจำเป็นจะต้องเรียนรู้และเข้าใจในเรื่องของแสงและสีให้ถ่องแท้   เพราะแสงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดภาพ  และแสงอีกนั่นเองที่เป็นแหล่งของสีทั้งปวง  ด้วยเหตุนี้เอง   นักถ่ายทุกคนจึงถือว่า   แสง เป็นวัตถุดิบที่สำคัญที่สุด ดังนั้นผลของการบันทึกภาพที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งที่ทำการถ่ายทำ   ย่อมได้รับอิทธิพลมาจากคุณภาพของแสง   ความเข้มของแสง   ทิศทางของแสงและการแผ่กระจายของแสง     รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของแสงที่แปรเปลี่ยนไปตามวันเวลา และฤดูกาลของมัน.

ภาพยนตร์เบื้องต้น........2
ขนาดของภาพจากกล้องภาพยนตร์
             
           การกำหนดลักษณะภาพ (Lmaze Size) ของการถ่ายในแต่ละชอทเพื่อบันทึกภาพ จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ภาพ เกิดภาษา
และมีความหมายดียิ่งขึ้น   ความหมายการกำหนดขนาดภาพในการถ่ายก็คือ   การกำหนดขอบเขตของภาพที่จะถ่ายนั่นเอง   โดยคำนึงถึงความกว้างหรือแคบของมุมรับภาพของเลนซ์  เกี่ยวข้องกับระยะไกล  ใกล้กับระยะที่ถ่ายแต่ละชอท
                 วิธีการเช่นนี้สามารถที่จะชี้แจงให้ผู้ดูภาพได้เข้าใจในเรื่องราวหรือเน้นความรู้สึกของอารมณ์อันเกี่ยวกับภาพที่บันทึกไว้ผู้ดูได้รับรู้ด้วยความกระจ่าง
               การบันทึกภาพที่ดีในแต่ละชอทนำมาต่อเนื่องกันนั้น  จะต้องสามารถสร้างความเข้าใจให้กับผู้ดูอยู่ภายในตัวของมันเอง   ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการนำมาใช้อย่างถูกต้องและมีจังหวะ  เช่น  ถ้าหากต้องการบรรยายให้เห็นถึงสภาพทั่วไป  ในเรื่องทิศทาง   ตำแหน่ง  หรือสภาพความรู้สึกที่จะให้ผู้ชมได้รับความอ้างว้างโดดเดี่ยว  หรือความทรหด  ความมีอำนาจความยิ่งใหญ่  ก็น่าใช้การกำหนดภาพในลักษณะมุมกว้าง  และกล้องอาจอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าระดับสายตา (EYE LEVEL) แต่จะต้องศึกษาเรื่ององค์ประกอบอื่นอีกหลายอย่างให้รอบคอบด้วย
     หลักการและพื้นฐานในการกำหนดขนาดภาพแบ่งออกได้ดังนี้คือ
1. ภาพระยะไกลมาก ( Extreme long Shot, ELS หรือ Extra Long  Shot, ELS )
2.  ภาพระยะไกล ( Long Shot , L S. )
3.  ภาพระยะปานกลาง ( Medium Shot , M S. )
4.  ภาพระยะใกล้ ( Close Shot , Tight Shot , CU. )
     ข้อความพิจารณาเป็นหลักปฏิบัติในการบันทึกภาพแบบระยะไกล
      1. ต้องพิจารณาทุกๆอย่างภายในฉากให้ละเอียดถี่ถ้วน  เพราะมีโอกาสผิดพลาดเกิดขึ้นได้ง่าย  เนื่องจากมุมรับภาพกว้าง  วิวไฟเดอร์ เล็ก รายละเอียดไม่ชัด  แต่เมื่อภาพสู่จอใหญ่จะเห็นความชัด  รายละเอียดได้มากกว่า
      2. การจัดองค์ประกอบของภาพ  ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่นๆ อย่างระมัดระวัง  อย่าติดอยู่กับผู้แสดงหลักเพียงอย่างเดียว
       3. อย่าเคลื่อนไหวกล้องตามตัวแสดงในเมื่อขนาดของภาพยังคงที่อยู่เช่นเดิม  เพราะจะทำให้ผู้ดูเกิดความไขว้เขวได้  แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ต้องมีความฉลาดในการที่จะต้องทำการเปลี่ยนขนาดภาพในขณะที่กล้องกำลังเคลื่อนไหว ( กระทำพร้อมกันในเวลาเดียวกัน )
        4. เลือกใช้ขนาดความยาวโฟกัสของเลนซ์  ให้ถูกโดยพิจารณาถึงเกณฑ์  ต่างๆ อย่างถี่ถ้วน
        5. พิจารณาเรื่องของแสงภายในฉากด้วยความละเอียดละออ  รอบคอบ

 ภาพยนตร์เบื้องต้น..........3
  รายละเอียดของภาพทั้งหมดที่กล่าวมา  เป็นการนำเสนอโดยสถานการณ์ทั่วไป  แต่ถ้าหากว่าเป็นการถ่ายภาพเพื่อเน้นบุคคล  จะกำหนดขอบเขตของภาพ  ให้ละเอียดลงไปอีกคือ
-        ระยะไกลมาก ( Extreme Long Shot or Extra,Long Shot )
-        ภาพระยะไกล (Long Shot  ) ตัวแสดงที่ถูกถ่ายจะมีขนาด 3/4-1/3ในความสูงของจอภาพ
-        ภาพระยะไกลปานกลาง( Medium Shot MS. )  การบันทึกภาพอยู่ในลักษณะศีรษะและเท้าเกือบจรดขอบเฟรมบนและล่าง  เหตุนี้เองบางครั้งเรียกว่าภาพแค่เข่า
-        ภาพระยะปานกลาง (Medium Shot )คือการถ่ายภาพประมาณส่วนเอวของผู้แสดง
-         ภาพระยะใกล้  (Close Up  )  การถ่ายภาพระยะใกล้  ที่เน้นการกำหนดขอบเขตของภาพ  สิ่งที่ถ่าย ( บุคคล)  จากระดับส่วนบนของหน้าอกขึ้นไปถึงศีรษะที่จรดเฟรมในรูปแบบของภาพระยะใกล้  มีแยกออกหลายระดับดังนี้  คือ
Big Close – Up    หรือบางทีก็เรียก Tight Close – Up    
                หรือ Full Head    ให้เขียนย่อว่า  บีซียู B C U
               Very Close Up      หรือบางทีก็เรียก  Face Shot   ใช้เขียนย่อว่า  วี ซี ยู
                Extreme  Close Up   หรือบางทีก็เรียกว่า  Detail Shot  เขียนย่อว่า อี ซี ยู
             จะเห็นว่าการกำหนดขนาดภาพในแต่ละแบบยืนอยู่บนพื้นฐาน
             ของหลักการและเหตุผลที่ผู้ถ่ายภาพจะต้องเลือกมาใช้งานใน
             การนำเสนอภาพเพื่อให้ผู้ที่ได้ดูภาพในแต่ละชอทสามารถเข้าใจเรื่องราวในขอบเขตที่กำหนดไว้ ซึ่งจะช่วยทำให้ภาพเหล่านั้นมีคุณค่ามากขึ้นอีก.
มุมการถ่ายกล้องภาพยนตร์
                 การกำหนดมุมกล้อง (Camera Angle )                               เพื่อการถ่ายภาพ   ก็  
ถือว่าเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่จะช่วยให้รูปแบบของภาพที่เสนอไปยังผู้ชมประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น   รูปแบบของการกำหนดมุมกล้องเกี่ยวกับการถ่ายภาพยนตร์ในทางปฏิบัติแยกได้ 2. ลักษณะ   คือ
       1.ลักษณะกำหนดมุมกล้องแบบแนวตั้ง (Vertical Plane )
       2.ลักษณะการกำหนดมุมกล้องทางแนวราบ ( Horizontal  Plane )
การกำหนดแนวตั้ง   หมายถึงการกำหนดระดับความสูงต่ำแหน่งกล้องให้อยู่ในตำแหน่งสูงมากน้อยเพียงใดในแต่ละช่วงของการถ่าย  โดยทั่วไปแยกได้  5  ระดับคือ
-        ถ่ายจากมุมสูงมาก Exl High Angle
-         ถ่ายจากมุมสูง  High Angle Shot
-         ถ่ายในระดับสายตา  Eye  Level Shot
-         ถ่ายในมุมระดับต่ำ Low Angle Shot
-         ถ่ายในมุมที่ต่ำมาก Extreme Low Angle.


ภาพยนตร์ เบื้องต้น........4
      -การถ่ายแบบระดับสายตา ( Eye  level  shot )  ตั้งกล้องกำหนดตำแหน่งกล้องระดับเดียวกับสายตา    การกำหนดระดับนี้จะให้ความรู้สึกที่เป็นจริงตามสายตาที่เห็นของคนเรา
      - การเสนอภาพแบบนี้ต้องพึงระวังความเป็นจริงของรูปทรงวัตถุที่ตาเห็น  เช่นเส้นระดับ       ( Hovizontal  line )   เส้นดิ่ง   (Vertical  line )   เพราะจะปรากฏเด่นชัดบนกรอบภาพ  ( Frame )   เช่นเส้นขอบฟ้า   ระดับน้ำ   อาคารบ้านเรือนที่ก่อสร้าง
       - การถ่ายมุมสูง  ( High Angle Shot )  เป็นการกำหนดมุมกล้องสูงกว่าตำแหน่งสูงกว่าสิ่งที่ถ่าย     ลักษณะของตัวกล้องจะกดต่ำลง   มากหรือน้อยอยู่ทิศทางที่ถ่าย   ระหว่างกล้องกับวัตถุ   มุมในลักษณะ   มีหลายกรณี   เช่น  ผู้แสดงที่มีตำแหน่งยืนในทิศทางที่ต่างระดับกัน
             เพื่อการหวังผลพิเศษที่เกิดกับผู้ดู    อาศัยหลักจิตวิทยาเข้ามาช่วยในทางของภาพ  กล้องอยู่สูงกว่าระดับสายตา    สิ่งที่ถูกถ่ายจะถูกลดความสำคัญลง       ความรู้สึกจะปรากฏในด้านความอ่อนแอไม่มีพลัง   ถูกครอบงำ     ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ด้วยตนเอง   สิ่งที่ใหญ่กลายเป็นสิ่งที่เล็กการถ่ายแบบนี้ถูกนำมาใช้ในความรู้สึกหลายอย่าง   เช่น    ความต่ำต้อย   ความอ่อนแอ   ความบอบบาง    ความอ้างว้าง    ความไร้ค่า    โดดเดี่ยว    การตกอยู่ใต้อิทธิพล
        เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างทิศทาง     สภาพภูมิประเทศ    ไม่ต้องการเน้นจุดสนใจโดยเฉพาะ     หวังเพียงให้เห็นสภาพของสถานที่     ให้ทราบเป็นพื้นฐานก่อนที่นำไปสู่เหตุการณ์อื่น  เช่น  ถ่ายเห็นบ้านเรือน   แม่น้ำ   ทะเลใหญ่
            ระดับความสูงที่เทียบองศา    มีตั้งแต่    20_40   50_60   องศาเรียกว่ามุมสูง
             การถ่ายภาพมุมสูง     หวังผลที่จะสร้างภาพให้ผู้ดูมีความรู้สึกในเรื่องของความต่ำต้อย  อ้างว้างโดดเดี่ยว   หรือความกว้างใหญ่ไพศาล   ความเกรียงไกร    ความทรหดอดทนก็ได้
           -   การถ่ายในมุมระดับต่ำ   เพื่อสร้างความรู้สึกกับผู้ดูในเชิงจิตวิทยาของการเห็นภาพภได้จากมุมระดับต่ำจะมีผลทำให้ภาพดูมีพลังและแข็งแรงมากกว่า    เช่น  ถ่ายรถถังขึ้นเนินมาพร้อมมทหารอีกจำนวนมาก    แม้ว่าจะเห็นในระยะไกล  สิ่งที่ถูกถ่ายมองดูเล็กบอบบางก็จะสามารถเห็นว่าแข็งแรง   น่าแกรงกลัวกว่ามาก ( พร้อมเสียง )
              ด้วยเหตุนี้เอง    ในสถานการณ์ใดก็ตามที่ต้องการกำหนดให้ผู้ดูมีความรู้สึกในด้านความแข็งแรง   ความเข้มแข็ง  ยิ่งใหญ่มีอิทธิพล   มีอำนาจ   สามารถควบคุมสถานการณ์แวดล้อมได้   การถ่ายภาพหรือผู้ถ่ายจะกำหนดแนวการถ่ายในลักษณะนี้มาใช้
             -  การถ่ายลักษณะมุมกล้องตามแนวระนาบ   หรือแนวราบ
                        โดยทั่วไปการถ่ายในมุมแนวราบ   เป็นการถ่ายกำหนดทิศทางเกี่ยวกับบุคคล ( ตัวแสดง )  เป็นสำคัญ  การถ่ายหรือผู้ถ่ายจะพิจารณาถึงองศาของตำแหน่งกล้องว่าควรจะทำมุมมากน้อยเพียงใดกับตัวแสดงในฉากนั้น   หรือตำแหน่งที่ยืน  นั่งนั้นๆ  เพื่อการนำเสนอภาพสื่อกับผู้ดูได้เด่นชัดอย่างไร


   ภาพยนตร์เบื้องต้น........5
มุมกล้องในแนวราบแยกออกได้ดังนี้   คือ
- จากด้านหน้าผู้แสดง  ( Front )
-  จากด้านหน้าผู้แสดงประมาณ  สามส่วนสี่  (3/4  Front )
-  จากด้านข้างผู้แสดง   ( Side , Profile )
-  จากด้านหลังของผู้แสดง   สามส่วนสี่  ( 3/4  Back )
-   จากด้านผู้แสดง ( Back )
   ลักษณะการเปลี่ยนมุมกล้องในแนวนี้  มักมีเหตุผลเพื่อแสดงกิริยาทางภาพที่เกี่ยวกับความรู้สึกหรืออารมณ์   จึงเป็นการถ่ายในลักษณะที่ใกล้ ( Close  up )
       การถ่ายภาพด้านหน้า   ตัวแสดง     ภาพที่ถ่ายโดยมุมนี้   จะให้ความรู้สึกที่   หนักแน่น   มั่นคง  แต่  จะมีความบกพร่องในเรื่องของความลึก ขาดมิติที่สาม (ดูแล้วภาพจะมีลักษณะแบน) 
          การถ่ายมุมนี้  ผู้ถ่ายต้องพิจารณาในการจัดแสงช่วย  ให้แสงมี เงา  ( Shade )  หาก แสงหลัก  ถูกจัดมาทางด้านหน้ามากเกินไปภาพจะดูแบนมากเกินไป
           การถ่ายทางด้านหน้าประมาณ    3/4  ภาพถ่ายทางด้านนี้จะให้ความรู้สึกที่หนักแน่น  มั่นคง   หรือเข้มแข็งกว่าทิศทางอื่น  จะเห็นว่าภาพที่ได้เกิดมีมิติ   ทางภาพ  แม้จะมีทิศทางของแสงจะจัดในลักษณะมากน้อยเพียงใดก็ตาม
          การถ่ายด้านข้างตัวแสดง      การถ่ายในลักษณะนี้จะได้ภาพที่ให้ความรู้สึกไม่เข้มแข็งเหมือนมุมด้าน  3/4  แต่ก็ยังดีกว่าถ่ายด้านหลังผู้แสดง
          การถ่ายด้านหลังประมาณ  3/4  การถ่ายด้านนี้   ภาพที่ได้  หรือผลที่ใช้ทางสายตา   ความรู้สึกที่เข้มแข็งลดหายแทบไม่เหลือเลย   โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ถูกถ่ายอยู่ในอาการที่สงบนิ่ง      จะทำให้ไม่มีความหมาย   ความรู้สึกทั้งสิ้น
          การถ่ายด้านหลังผู้แสดง    ด้านนี้เป็นด้านที่ให้ความรู้สึกที่ทำลายผู้แสดง   ไม่ให้เหลือความหมายทางในทางความรู้สึกใดๆ จนหมดสิ้น  ความแข็งแรง   ไม่เหลืออยู่เลย


           หลักการถ่ายทั้งห้าประการไม่กำหนดตายตัว   อาจมีการเปลี่ยนแปลงความหมายไปในทางตรงข้ามได้      เมื่อมีองค์ประกอบอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง   ที่กล่าวมานั้นใช้ถ่าย   บุคคลเพียงคนเดียว  สถานภาพทางการถ่าย  จะยึดถือเป็นกฎตายตัวไม่ได้   ที่เสนอเป็นเพียงแนวคิดขั้นพื้นฐานเท่านั้น   เนื่องจากศิลปะแนวนี้    มีการพัฒนาไปสู่สิ่งใหม่เสมอ   ต้องตามให้ทัน   ต้องดูความเหมาะสมตามสภาพของท้องเรื่อง    แล้วสร้างกฎเกณฑ์ที่มองเห็นการสื่อทางภาพและทิศทางของแสง   หรือการเคลื่อนไหวอื่นที่เกี่ยวกับการแสดงเข้ามาสัมพันธ์กับภาพด้วยได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การเขียน storyboard

ใบงานที่ 3